เมื่อคุณมีปัญหาชีวิตและต้องการคำปรึกษา หรือกำลังค้นหาหลักการในการดำเนินชีวิต คุณก็มักจะเลือกฟังความเห็นจากคนใกล้ชิด เพื่อสนิท หรือคนในครอบครัว เพื่อช่วยหาทางออกให้กับปัญหาเหล่านั้นได้ผ่านพ้นไป แต่ถ้ามีคำแนะนำที่หลากหลายมากเกินไป ก็อย่าเพิ่งตระหนกว้าวุ่นกับคำแนะนำเหล่านั้นจนตัดสินใจทำอะไรไม่ได้
Michael Gervais นักจิตวิทยา ผู้เชี่ยวชาญด้านการเชื่อมโยงระหว่างจิตใจกับการกระทำของมนุษย์ กล่าวว่า “ความคิดเห็นของบางคนก็มีความสำคัญ และอาจมีผลกระทบสำคัญต่อวิถีชีวิตของคนคนหนึ่ง”
แต่ FOPO (Fear of people’s opinions หรือ อาการกลัวความคิดเห็นของผู้อื่น) จะกดทับศักยภาพของคุณและขัดขวางไม่ให้คุณได้ทำในสิ่งที่คุณอยากทำ “FOPO เป็นความพยายามหลีกเลี่ยงที่จะปฏิเสธการยอมรับ โดยที่คุณนั้นก็มีความพยายามอย่างยิ่งในการตีความสิ่งที่คนอื่นคิด เพื่อหลีกเลี่ยงการตีความเชิงลบจากพวกเขาเหล่านั้น” ไมเคิลกล่าวเสริม
FOPO 3 ระยะ และผลกระทบต่อชีวิตของคุณ
ไมเคิลกล่าวว่า อาการกลัวความคิดเห็นของผู้อื่น หรือ FOPO มี 3 ระยะ ได้แก่ 1) การคาดหวังถึงวิธีที่ผู้คนอาจตอบสนองต่อการตัดสินใจของคุณ 2) การทบทวนปฏิกิริยาภายนอกของของผู้อื่น ทั้งการปฏิเสธหรือการยอมรับ และ 3) การตอบสนองต่อการรับรู้ถึงการปฏิเสธหรือการยอมรับ ซึ่งอาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงหลักความคิดของคุณผ่านค่านิยมจากคนอื่น
“ผลกระทบเชิงลบของ FOPO เข้าถึงทุกด้านในชีวิตของเรา รวมถึงในที่ทำงาน มันสามารถชะลอการตัดสินใจและลดความเสี่ยง ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม และการทำงานร่วมกัน เมื่อเราเดินทางไปทั่วโลกโดยพยายามทำให้ผู้อื่นพอใจ และเป็นคนที่เราคิดว่าคนอื่นอยากให้เราเป็นมากกว่าสิ่งที่เราเป็นจริงๆ สุดท้ายเราก็ใช้ชีวิตตามเงื่อนไขของพวกเขา ไม่ใช่เงื่อนไขของคุณเอง” ไมเคิลกล่าว
แต่การเลือกที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้รู้สึกกังวลเพราะความคิดของคนอื่นมากเกินไปนั้นไม่ได้หมายความว่าเราจะมองข้ามสิ่งที่บางคนคิด “แต่เป็นการปรับตัวให้เข้ากับการดำเนินชีวิตที่สอดคล้องกับคุณธรรมและค่านิยมที่สนับสนุนเรื่องอื่นๆ ที่ใหญ่กว่าในชีวิตของคุณต่างหาก” ไมเคิลกล่าว
เอาล่ะ หยุดกังวลได้แล้วว่าคนอื่นจะคิดอย่างไร
ถ้าคุณเริ่มมีปัญหาเรื่อง FOPO ไมเคิลมีคำแนะนำต่อไปนี้ให้กับคุณ
1. สนใจแต่เพียงสิ่งที่อยู่ภายใต้การควบคุมของคุณ เตือนตัวเองว่าความคิดเห็นของผู้อื่นนั้นอยู่นอกเหนือการควบคุม และจำไว้ว่าคุณเป็นผู้ควบคุมการตอบสนองต่อการตัดสินใจต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น รวมถึงความคิด การกระทำ และทัศนคติโดยรวมของคุณ
2. จงมีหลักการที่ชัดเจน เมื่อคุณชัดเจนในความคิดของตัวเอง คำแนะนำใดๆ ที่คุณได้รับก็จะเป็นเพียงโอกาสในการมองเห็นสิ่งต่างๆ ไม่ใช่สิ่งที่จะมาผูกพันและกำหนดว่าคุณจะต้องเป็นอะไรหรือทำอะไร “แม้บางคนมีคำแนะนำว่าคุณทำได้ดีแค่ไหน หรือใครคือผู้ที่มีความสำคัญต่ออนาคตของคุณ จงแน่ใจว่าคุณใช้ชีวิตตามเงื่อนไขของคุณ และสอดคล้องกับข้อเสนอแนะหรือความคิดเห็นที่คุณได้รับ” ไมเคิลกล่าว
มองหาหลักความคิดก็สำคัญ
ถ้ายังไม่แน่ใจเรื่องหลักความคิดหรือหลักการในชีวิตของคุณ ไมเคิลมีคำแนะนำดังต่อไปนี้
1. เขียนรายชื่อบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ และเขียนคุณค่า หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์ที่พวกเขานำเสนอไว้ข้างๆ ชื่อของพวกเขา
2. จดถ้อยคำจากเพลงหรือคำพูดและวลีที่คุณนึกถึงบ่อยๆ
3. ประมวลผลผู้คนและถ้อยคำสร้างแรงบันดาลใจที่คุณเขียนไว้ จากนั้นจึงคิดค่านิยม 5 ประการที่สอดคล้องกับพวกเขาทั้งหมด
4. เขียนค่านิยมที่สูงที่สุดลงในหนึ่งหรือสองประโยค …และนั่นคือหลักการของคุณ ตัวอย่างเช่น “เจอร์เวสกล่าวว่า แม้คุณค่าของดร.มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ คือความเท่าเทียม แต่หลักการของเขาคือการนำมาซึ่งอิสรภาพด้วยวิธีที่ไม่ใช้ความรุนแรง”
โดยสรุปแล้ว หากคุณกำลังหาหลักชีวิตเพื่อนำทางอนาคตของคุณเอง เราแนะนำให้คุณฟังเสียงของตัวเองไว้ก่อน และความเห็นจากผู้อื่นเป็นเพียงความเห็น ไม่ใช่ทางที่ชี้ชีวิตว่าคุณต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ตามความเห็นของพวกเขาเหล่านั้น แต่หากยังหาหลักชีวิตไม่ได้ เราแนะนำให้กลั่นกรองแนวความคิดของบุคคลที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคุณ แล้วเรียบเรียงและเกลาให้เข้ากับความคิดของคุณมากที่สุด เพียงเท่านี้คุณก็อาจพบหลักชีวิตนับจากนี้ได้ไม่ยากเย็นนัก
ที่มา: https://www.cnbc.com/2023/11/16/psychologist-stop-worrying-about-what-people-think-of-youheres-how-.html
